ทำความเข้าในกันสักนิด~ เกี่ยวกับเรื่อง “ข้อมูลส่วนบุคคล” ตามข้อกฎหมาย PDPA เป็นพระราชบัญญัติที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อคุ้มครองด้านสิทธิและความปลอดภัยของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดย“การเก็บ ใช้ เปิดเผย และถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล หรือหากทำผิดจุดประสงค์ในการตกลงร่วมกัน เจ้าของข้อมูลมีสิทธิสามารถร้องเรียนเพื่อเอาผิดได้
เรามาทำความรู้จักกับ “ข้อมูลส่วนบุคคล” กันให้มากยิ่งขึ้น ข้อมูลแบบไหนเป็นข้อมูลส่วนบุคคล? ตัวอย่างเช่น
- เลขบัตรประจำตัวประชาชน
- ชื่อ-นามสกุล
- ที่อยู่
- เบอร์โทรศัพท์
- รูปภาพใบหน้า
- เลขที่บัญชีธนาคาร
- ข้อมูลอัตลักษณ์เสียง
- ทะเบียนรถ
ข้อมูลใดเป็นข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่? เราจะต้องพิจารณาจากบริบทการใช้ข้อมูลนั้นๆ ประกอบด้วยว่าสามารถทำให้ระบุถึงตัวบุคคลนั้นได้หรือไม่?
นอกจากข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว กฎหมาย PDPA ยังคุ้มครองไปถึงข้อมูลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Personal Data) เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของบุคคล ระบุตัวบุคคลได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น มีความละเอียดอ่อนสูง และเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น
- ศาสนา ความเชื่อ
- พฤติกรรมทางเพศ
- ประวัติอาชญากรรม
- ความคิดเห็นทางการเมือง
- ความพิการ
- ข้อมูลสุขภาพ
- ข้อมูลทางพันธุกรรม
แล้วข้อมูลอะไรบ้างที่ไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล?
ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มาตรา 6 ระบุว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ดังนั้น ข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เราไม่ถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล เช่น
- อีเมลบริษัท
- ข้อมูลนิรนามหรือนามแฝง
- เลขทะเบียนบริษัท
- เบอร์โทรศัพท์บริษัท
- ที่อยู่สำนักงาน
- ข้อมูลผู้ตาย
- ข้อมูลนิติบุคคล
สรุปคือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) มีขึ้นเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อมีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน เว้นแต่จะมีเหตุอื่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
ท่านกำลังรู้สึกว่า PDPA สร้างความยุ่งยากให้ธุรกิจของท่านหรือไม่? “wisework PDPA Management Platform” Solution Software” ตัวช่วยในการบริหารจัดการเรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็ก ให้เราช่วยดูแลอย่างครบวงจร ปรึกษาเรา ทักเลย
